เทคโนโลยีที่พัฒนาโดยนิสสันสำหรับรถยนต์นิสสัน LEAF ที่ขับเคลื่อนจากพลังงานไฟฟ้า 100% จะถูกนำมาใช้ในโครงการรถบัสโดยสารพลังงานไฟฟ้า โดยจะเริ่มทดสอบในเดือนหน้า (กุมพาพันธ์ 2561) ในประเทศญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การขนส่งสาธารณะไม่มีการปล่อยมลพิษได้รับการยอมรับในวงกว้างและมีราคาที่เข้าถึงได้
ภายใต้การดำเนินงานของมหาวิทยาลัยคุมาโมโตะ ที่ริเริ่มนำความสามารถและความชำนาญจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ภาครัฐบาล และ ภาคของสถาบันการศึกษา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการของกระทรวงสิ่งแวดล้อมของประเทศญี่ปุ่น ในการลดปริมาณของคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และรวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ
จากยานพาหนะขนาดใหญ่ เช่น รถประจำทางและรถบรรทุก โดยการทดสอบภาคสนามมีกำหนดจะเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ที่เมือง คุมาโมโตะ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น
สำหรับอุปสรรคที่สำคัญในการสร้างยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ คือค่าใช้จ่ายที่สูงในการพัฒนาและการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ รวมถึงแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีต้นแบบที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างสมบูรณ์โดยนิสสัน จะทำให้ต้นทุนการผลิตรถบัสโดยสารไฟฟ้าลดลงเป็นอย่างมาก
รถบัสโดยสารชื่อ "โยกะ อีโค บัส” (Yoka ECO Bus) จะมีแบตเตอรี่ 3 ก้อน มอเตอร์ไฟฟ้าสามเครื่อง และเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (inverter) จาก Nissan LEAF ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก นิสสันยังพัฒนาระบบส่งกำลังหรือ เกียร์ โดยเฉพาะสำหรับรถบัสรวมถึงให้การสนับสนุนด้านเทคนิค บริษัทฯหวังว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้โครงการบรรลุเป้าหมายในการสร้างระบบขนส่งสาธารณะที่รถโดยสารจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศญี่ปุ่น
"เราหวังว่าจะปรับปรุงสภาพแวดล้อมของญี่ปุ่นโดยการสร้างมาตรฐานการผลิตรถบัสที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV bus) ด้วยความช่วยเหลือด้านวิทยาการจากผู้ผลิตรถยนต์" รองศาสตราจารย์ โทชิโร มัทซูดะ (Toshiro Matsuda) จากมหาวิทยาลัยคุมะโมะโตะ หัวหน้าโครงการฯ กล่าว "เป้าหมายของเราคือการพัฒนารถบัสโดยสารพลังงานไฟฟ้าที่มีความสมดุลในแง่ของ การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำ"
นิสสันสนับสนุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมในระดับภูมิภาคที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานและการนำรถยนต์ไฟฟ้าไปใช้อย่างจริงจัง ทั้งนี้การใช้พลังงานไฟฟ้าในรถยนต์ถือเป็นส่วนสำคัญของ แนวคิดของการเคลื่อนที่อัจฉริยะหรือ นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ (Nissan Intelligent Mobility) ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของบริษัท ในการเปลี่ยน รูปแบบของพลังงานที่ขับเคลื่อนรถยนต์ รูปแบบของการขับขี่ และการบูรณาการเข้าสู่สังคมของรถยนต์