ณ วินาทีนี้ ปฏิเสธไม่ได้ถึงความหอมหวลของตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 หรือ SUV เพราะนี่คือตลาดกลุ่มเดิมที่เคยถูกมองว่าเกือบจะไม่รอดเพราะวิกฤตราคาน้ำมัน แต่สุดท้ายกลับมาอู้ฟู่อีกครั้ง และได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกจนทำให้แม้แต่แบรนด์ซูเปอร์หรูอย่าง Bentley ไม่สามารถละสายตาไปได้
แน่นอนว่า แบรนด์ระดับไฮโซในเครือ Volkswagen ตอบโจทย์ของเหล่าสาวกตัว B ติดปีก ด้วยผลผลิตสุดเทพที่ถือว่า ‘เป็นครั้งแรก’ ในประวัติศาสตร์ของการก่อตั้งบริษัท กับ SUV รุ่นใหญ่ ที่ทั้งแรงและหรูหราภายใต้ชื่อ Bentayga ซึ่งถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2015 หรือ IAA ที่ประเทศเยอรมนีเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ผสาน DNA ความหรูเข้ากับความแกร่ง
การเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ถือเป็นสิ่งที่บรรดาผู้ผลิต รถยนต์ควรปฏิบัติ และนั่นทำให้ครั้งแรกของ Bentley กับตลาด SUV เกิดขึ้นจนได้ เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภค เปลี่ยนไป และราคาน้ำมันไม่ใช่ปัจจัยในการตัดสินใจซื้อรถยนต์อีกต่อไป ความอเนกประสงค์ในแบบ All-in-One คือ สิ่งที่ผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการ และนั่นทำให้ตลาด SUV ที่เคยจำกัดตัวเองอยู่เฉพาะในสหรัฐอเมริกา กลับมาเบ่งบานอีกครั้งในตลาดยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนของแฮทช์แบ็กและแวกอน
อย่างที่บอกข้างต้นในเมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป และ SUV กลายเป็นรถยนต์ที่ตอบโจทย์ ได้ดีกว่าแวกอนหรือแฮทช์แบ็ก นั่นก็เลยทำให้ Bentley เริ่มมองหาหนทางในการขยับขยายทางเลือกในตลาด และแนวคิดนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่มีมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว เมื่อพวกเขาเปิดตัวต้นแบบ EXP9F เมื่อปี 2012 ซึ่งเป็นการประกาศกลายๆ ว่า Bentley กำลังจะเอาจริงกับตลาดกลุ่มนี้แล้ว
สำหรับ Bentayga นอกจากจะเป็นครั้งแรกของ Bentley ในตลาด SUV แล้วยังถือว่าเป็นครั้งแรก ของตลาดรถยนต์ระดับไฮเอนด์ที่แบรนด์เหล่านี้เปิดตัว SUV ออกมาเป็นทางเลือก เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮาได้เป็นอย่างดี
ในแง่ของการออกแบบตัวรถนั้น Bentayga ถูกสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้รูปแบบที่อ้างอิงเส้นสาย และสไตล์มาจากต้นแบบ EXP9F เพียงแต่มีการปรับรายละเอียดรอบคันเพื่อให้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับความเป็นไปได้ในการผลิตในรูปแบบ Hand-Made ตามแบบฉบับของ Bentley
ทีมออกแบบยังคงเอกลักษณ์ของ Bentley เอาไว้ในทุกรายละเอียดแม้ว่าตัวรถจะเป็น SUV เริ่มจาก กระจังหน้าซึ่งมีขนาดใหญ่ และยาวต่อเนื่องจนกินพื้นที่ของกันชนด้านหน้า รวมถึงซุ้มล้อทั้ง 4 ด้านที่ถูกยืดให้มีลักษณะโป่งนูนขึ้นมาเพื่อให้เกิดสัมผัสแห่งพลังของการขับเคลื่อนเหมือนกับรูปลักษณ์ของรถสปอร์ตในตระกูล Continental GT
ไฟหน้าแบบดวงกลมคู่ใช้หลอดแบบ LED ในการส่องสว่างทั้งส่วนของไฟหน้า และไฟสำหรับกลางวัน หรือ Daytime Running Light ส่วนด้านท้ายมากับเอกลักษณ์ของไฟท้ายที่เรียกว่า B-Shaped ซึ่งมีใช้อยู่ใน รถยนต์ของ Bentley มาโดยตลอด
นอกจากนั้นในแง่ของความแข็งแกร่งบนน้ำหนักที่เบาก็ยังเป็นประเด็นสำคัญ และทาง Bentley เลือกใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ของตัวรถ ซึ่งนั่นทำให้สามารถเซฟน้ำหนักไปได้กว่า 200 กิโลกรัมเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้วัสดุเดิมๆ อย่างเหล็กเป็นชิ้นส่วนหลักของตัวถัง
ที่สุดแห่งความหรูหรา
แม้จะมีรูปร่างเป็น SUV แต่ภายในห้องโดยสารของ Bentayga มาพร้อมกับความหรูหราเหนือระดับ ตามแบบฉบับของ Bentley โดยเน้นไปที่การเลือกใช้วัสดุชั้นเยี่ยมในการตกแต่งตามจุดต่างๆ ผสานกับแรงงานที่มีฝีมือในการตัดเย็บของเจ้าหน้าที่จากโรงงาน Crewe ในประเทศอังกฤษ
ในด้านการออกแบบเมื่อนั่งประจำอยู่หลังพวงมาลัย และมองโดยรอบแล้ว ถ้าไม่นับเบาะนั่ง ที่ถูกจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นกว่าปกติแล้ว แทบจะแยกไม่ออกเลยว่านี่คือ SUV เพราะทุกรายละเอียดถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้แนวคิดในการตอบสนองทั้งความหรู ความสปอร์ต และประโยชน์ใช้สอย
แผงลายไม้ยังเป็นวัสดุหลักในการช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของ Bantayga เหมือนกับที่ Bentley นำมาใช้กับรถยนต์รุ่นอื่นๆ โดยทั้งบนแผงหน้าปัด แผงคอนโซลกลาง หรือแผงประตู จะมีการใช้แถบลายไม้เป็นวัสดุในการตกแต่ง แถมด้วยหน้าจอขนาด 8 นิ้ว ซึ่งจะเป็นทั้งจุดแสดงผลระบบนำทาง และ Command Center สำหรับควบคุมและสั่งการระบบต่างๆ ภายในห้องโดยสาร
เบาะนั่งหุ้มหนังแท้ทั้งในส่วนของผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถปรับด้วยไฟฟ้าได้ถึง 22 ทิศทาง ขณะที่เบาััะนั่งหลังซึ่งแยกออกเป็น Captain Seat นั้นสามารถปรับด้วยไฟฟ้าได้ถึง 18 ทิศทาง ส่วนในด้านความล้ำสมัย ยังมี Panoramic Glass Roof ซึ่งมีพื้นที่ขนาด 1.32 ตารางเมตร เพื่อให้ผู้โดยสาร และผู้ขับขี่สามารถสัมผัสกับบรรยากาศที่ปลอดโปร่งของท้องฟ้าได้อย่างเต็มที่
นอกจากนั้น อีกจุดเด่นของ Bentayga คือ กล่องที่อยู่ทางด้านท้ายของตัวรถ ซึ่งอาจจะดูแล้วคล้ายๆ การการตีตู้เพื่อปิดถังแก๊สเหมือนกับรถยนต์ในบ้านเรา แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ มันคือ ตู้สำหรับแช่ไวน์ และเก็บแก้ว รวมถึงอุปกรณ์ในการดื่มเพื่อผ่อนคลายและสอดรับกับกิจกรรมสันทนาการ แต่ถ้าใครไม่ต้องการ ก็สามารถแจ้งได้ และอาจจะเลือกติดตั้งเบาะนั่งแบบ 3 ที่นั่งซึ่งสามารถแยกพับเพื่อความอเนกประัสงค์ก็ได้
เครื่องยนต์ใหม่เร้าใจกว่าเดิม
หลายค่ายอาจจะมุ่งพัฒนาเครื่องยนต์ V12 แต่สำหรับพวกเขา เครื่องยนต์ W12 คือความภาคภูมิใจ และ Volkswagen ก็นำเครื่องยนต์บล็อกนี้วางในรถยนต์ในเครือหลายรุ่น ซึ่งก็รวมถึง Bentley ด้วย โดยในตอนนี้ ได้มีการเปิดตัวขุมพลัง W12 บล็อกใหม่ที่ถูกใช้กับ Bentayga เป็นรุ่นแรก
ขุมพลัง W12 รุ่นใหม่มากับเทคโนโลยี TSI โดยตัวเครื่องยนต์มีความจุกระบอกสูบ 6,000 ซีซี และมีการติดตั้งเทคโนโลยี Twin Turbo สามารถเบ่งกล้ามออกมาได้ในระดับ 608 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 91.7 กก.-ม. ที่ 1,250-4,500 รอบ/นาที
ระบบจ่ายน้ำมันมีให้่เลือกทั้งแบบ Direct และ Indirect Injection ขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่ ซึ่งระบบจะปรับเลือกการทำงานเอง อีกทั้งยังมีระบบ Variable Displacement ซึ่งจะสั่งตัดการจ่ายน้ำมันเข้าสู่กระบอกสูบลงจำนวนครึ่งหนึ่งจากที่มี ในกรณีที่ขับด้วยความเร็วคงที่ และเครื่องยนต์ไม่มี Load มาก เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน เช่นเดียวกับการติดตั้งระบบ Auto Start&Stop เพื่อช่วยดับเครื่องยนต์ในกรณีที่จอดติดอยู่กับที่
เมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะในการส่งกำลังสู่การขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อตลอดเวลานั้น ตัวรถสามารถตอบสนองได้อย่างเร้าใจไม่ต่างจากรถสปอร์ต ด้วยตัวเลข 4.1 วินาทีสำหรับการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่้วโมง และมีความเร็วสูงสุด 301 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว
แม้เปิดตัวแล้วก็จริง แต่กำหนดการลงสู่ตลาดของ Bentayga จะมีขึ้นในยุโรปช่วงต้นปีหน้า โดยที่มีราคาอยู่ที่ 160,200 ปอนด์ หรือ 8.4 ล้านบาท และทาง Bentley คาดหวังยอดขายต่อปีอยู่ที่ 3,000 คัน
โดยข่าวดีสำหรับ Bentley แต่เป็นข่าวร้ายสำหรับคนที่อยากจะซื้อคือ ยอดการผลิตในปีหน้าถูก จับจองหมดแล้ว และใครที่จอดตอนนี้จะต้องรับรถในปี 2017 ส่วนคันแรกในไลน์ผลิตของ Bentayga จะถูกส่งให้กับลูกค้าคนสำคัญซึ่งก็คือ สมเด็จพระนางเจ้าพระราชินีอลิซาเบ็ธที่ 2 แห่งอังกฤษ
ล้อมกรอบ 1
EXP9F : จุดเริ่มต้นของศักราชใหม่
ในปี 2012 Bentley สร้างความตื่นตาตื่นใจในตลาดด้วยการเปิดตัวต้นแบบที่ชื่อว่า EXP9F ซึ่งในตอนแรกหลายคนคิดว่าจะเป็นแค่การหยั่งเชิงในตลาด แต่พอเอาเข้าจริงๆ Bentley กลับเอาจริง และเดินหน้าสานต่อโครงการนี้จนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในที่สุด
และนี่น่าจะเรียกว่าเป็นอีกครั้งที่ต้นแบบได้ทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์แบบในการเป็นร่างทรง ก่อนที่คันจริงจะถูกผลิตออกสู่ตลาด
ล้อมกรอบ 2
สุดยอดแห่งเรือนเวลาบน SUV ระดับหรู
จะมีใครที่สนใจกับนาฬิกาติดรถกันบ้าง แต่คราวนี้ขอให้แพ่งดูดีๆ แล้วจะรู้ว่านาฬิกาติดรถของ Bentayga นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
ที่ว่าไม่ธรรมดาเพราะสิ่งที่ติดตั้งคือนาฬิกาที่ได้รับการผลิตโดยทางค่าย Breitling ที่ถือว่าเป็นพันธมิตร คนสำคัญของ Bentley และกลไกที่ใช้คือ ระบบทูร์บิญอง (Tourbillon) ซึ่งเป็นกลไกของนาฬิกาที่ว่ากันว่าเยี่ยมที่สุด และแพงที่สุด ณ วินาที โดยส่วนใหญ่แล้วจะติดตั้ง อยู่กับนาฬิกาข้อมือที่มีค่าตัวไม่ต่ำกว่า 7 หลัก
แน่นอนว่านาฬิกาทูร์บิญองที่เห็นอยู่นี้ไม่ได้ติดตั้งมากับ Bentayga จากโรงงาน แต่เป็นออพชั่นที่ลูกค้าสามารถสั่งติดตั้งเพิ่มเติมได้ และถ้ารู้ราคาแล้วอาจจะมีหนาวกันเป็นแถว เพราะว่ากันว่าน่าจะอยู่ที่ 150,000 ปอนด์ หรือ 7.8 ล้านบาท คิดเป็น 93% ของราคารถ เรียกว่าเพิ่มอีกนิดได้ betayga อีกคันเลย...เป็นออพชั่นที่บ้าเลือดดีแท้