ขณะที่ Hilux ที่เป็นต้นทางของผลผลิตมีการเปลี่ยนจาก Vigo มาเป็น Revo ในรุ่นใหม่ แต่ทางด้าน Fortuner ซึ่งมีความเกี่ยวพันกันในเขิงสายเลือดกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในแง่ของชื่อเสียงเรียงนาม ทั้งที่นี่คือ ครั้งแรกนับจากการก่อกำเนิดของ PPV หรือปิกอัพดัดแปลงในตลาดเมืองไทยที่ Toyota จัดการยกเครื่อง และเปลี่ยนแปลง Fortuner จนไม่เหมือนเดิม
แน่นอนว่า ใครที่ได้เห็นหน้าตาของ Fortuner ใหม่ (สายพันธุ์ที่ 2 ถ้านับในชื่อ Fortuner แต่เป็นสายพันธุ์ที่ 3 ของ PPV เมื่อนับย้อนไปถึง Sport Rider) ต้องบอกว่านี่คือการพัฒนาครั้งสำคัญของ Toyota ในการทำให้ PPV กลายเป็นผลผลิตรูปแบบใหม่ที่เรียกว่าปฏิวัติวงการตรงนี้เลยก็ว่าได้ มากกว่าที่ Revo ทำกับรถกระบะด้วยซ้ำ
เพราะอะไร ?
อย่างที่เราทราบกันดีว่า PPV หรือปิกอัพดัดแปลง คือ การนำปิกอัพ 1 ตันที่ขายอยู่ในบ้านเรามาแตก ทางเลือก ด้วยการต่อท้ายและทำตัวถังให้เป็นแวกอน ยกสูง และจับยัดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเข้าไป ผลคือ การได้ปิกอัพตัวลุยที่กระเด้งกระดอน เพราะยังแชร์พื้นฐานของปิกอัพแบบไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีเบาะนั่งหลัง โผล่ออกมา พร้อมกับพื้นที่เก็บสัมภาระแบบมีหลังคาคลุม
แต่หลังจาก Fortuner เปิดตัวรุ่นแรกออกมา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมองเห็นช่องที่ยังเหลืออยู่ในตลาด ก็เลยจัดการปรับปรุงหลายจุดให้ PPV กลายเป็นรถยนต์นั่งมากขึ้นด้วยการเปลี่ยนช่วงล่างหลังใหม่ และผลลัพธ์ก็คือ พวกเขาคิดถูก และ Fortuner ซึ่งแม้ว่าจะแชร์พื้นฐานเดียวกับ Vigo เช่นเดียวกับตัวถัง ครึ่งคันหน้า แต่ก็มีการปรับรายละเอียดหลายอย่าง โดยเฉพาะการขจัดข้อด้อยเดิมจาก Sport Rider อย่างอาการกระเด้งกระดอนที่ด้านหลัง จนทำให้ได้รับความนิยมอย่างมาก
ส่วน Fortuner ใหม่ ทันทีที่เราเดินทางไปรับรถสำหรับใช้ทดสอบที่สำโรง แรกเห็นแบบใกล้ชิด อย่างเต็มๆ บอกได้คำเดียวว่านี่คือ การปฏิวัติวงการ PPV ครั้งใหม่เลย และมากกว่าที่รุ่นแรกของ Fortuner ทำเอาไว้ด้วยซ้ำ
แค่พื้นฐานบางส่วนเท่านั้นที่ใช้ร่วมกัน
ตามปกติแล้ว จากการที่ Vigo และ Fortuner แชร์พื้นฐานร่วมกัน มันก็เลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้อง ใช้ชิ้นส่วนตัวถังร่วมกัน เหมือนกับรถยนต์รุ่นเดียวกันแต่ต่างตัวถังกัน ดังนั้น ช่วงครึ่งหน้าของทั้ง 2 รุ่นจึงใช้ร่วมกัน และถ้าวิ่งมาแบบหน้าตรงๆ อาจจะเดาไม่ออกว่าเป็น Vigo รุ่นยกสูง หรือ Fortuner กันแน่
แต่สำหรับ Fortuner ใหม่ เป็นอะไรที่เปลี่ยนไป เมื่อมองผ่านๆ เราจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เพราะชิ้นส่วนตัวถังภายนอก ทั้งไฟหน้า กระจังหน้า กันชนหน้า ใช้ร่วมกันไม่ได้เลย และมีการออกใหม่ โดยที่เป็นความฉลาดของทีมออกแบบ เพราะว่าตัวรถยังใช้โครงสร้างหลักร่วมกันอยู่ แต่ส่วนที่เป็นเปลือกหรือผิวชิ้นส่วนนั้นเปลี่ยนใหม่หมด
นี่แหละคือ สิ่งที่เปลี่ยนไปของ Fortuner และถือเป็นมิติใหม่ เหมือนกับ Toyota พยายามจะอัพเกรด และยกระดับของ Fortuner ให้เหนือและแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด เช่นเดียวกับการประกาศขยับแนวรุก ขึ้นไปซัดกับพวก SUV ขนาดคอมแพ็กต์ที่แชร์พื้นฐานมาจากเก๋งอย่าง Honda CR-V, Mazda CX-5 หรือ Chevrolet Captiva เพราะ ณ ปัจจุบัน Toyota ก็ไม่ได้ทำตลาดอยู่แล้วนับจากเิลิกขาย RAV4 รุ่นแรก
ในด้านรูปลักษณ์โดยรวมของตัวรถนั้น ต้องบอกว่าทำได้ดีและสวยสะดุดตามาก หลายคนอาจจะ บอกว่าเหมือนกับเอา Volkswagen Touareg มาผสมกับ Range Rover Evoque ได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับด้านท้ายที่ทำได้ดีไม่แพ้ด้านหน้า เรียกว่า Fortuner ใหม่ มาพร้อมกับความสวย และสะดุดตาในทุกมุมมอง
นี่หรือ PPV
สิ่งที่ 2 ซึ่งถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่ได้มาจาก Fortuner ใหม่ คือ ความเอาใจใส่ต่อสิ่งที่อยู่ในห้องโดยสาร เพราะถ้าใครที่รู้จักกับการผลิตรถยนต์รุ่นเดียวกันแต่ต่างตัวถังกัน คงทราบกันดีว่า ไม่ว่าจะเป็นซีดาน แวกอน หรือแฮทช์แบ็ค ต่างก็ใช้แผงหน้าปัดเดียวกัน…แต่ไม่ใช่ Fortuner ใหม่
ตรงนี้ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มและทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นการแยกชั้นออกมาจากปิกอัพอย่างชัดเจน เพราะตลอดเวลาของผู้เป็นเจ้าของจะต้องนั่งอยู่หลังพวงมาลัย และเมื่อเห็นบรรยากาศโดยรอบที่แตกต่างจาก เวลานั่งอยู่ใน Revo ตรงนี้ย่อมให้ความรู้สึกที่ดีกว่า
แผงมาตรวัด แผงคอนโซลกลางของ Fortuner ออกแบบใหม่หมดพร้อมกับการตกแต่งอย่างสวย และมีระดับขึ้น ภายในติดตั้งมาตรวัดเรืองแสง Optitron จอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID : Multi-Information Display หน้าจอสีแบบ TFT สามารถปรับตั้งค่าการทำงานของระบบต่างๆ พร้อมแสดงข้อมูล เช่น ข้อมูลการขับขี่ ข้อมูลระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ ข้อมูลการขับขี่แบบ ECO ข้อมูลระบบนำทาง ข้อมูลการเล่นเพลง
ระบบนำทางพร้อมเครื่องเล่น DVD หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ T-Connect เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth พร้อมระบบ Hands-free ช่องเสียบอุปกรณ์ USB, iPOD และ AUX เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ กล้องมองหลังแสดงภาพบริเวณมุมมองด้านท้ายของรถ ระบบ Push Start สำหรับสตาร์ทเครื่องยนต์ พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์สปอร์ต พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและจอแสดงข้อมูลการขับ เบาะนั่งที่พับและปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระตามรูปแบบการใช้งาน มีเบาะแถว 3 เพื่อตอบสนองความสะดวกสบายด้วย
เรียกว่าช่วงที่ตลาดเมืองไทย กำลังขนาดแคลนรถ 7 ที่นั่ง หลายคนอาจจะเมินมินิแวน และหันมาสนใจรถประเภทนี้กันมากขึ้น
2,400 ซีซี ขับสองก็เหลือเฟือ
รุ่นที่เราได้รับมาทดสอบเป็น 2.4V 2WD AT ซึ่งใช้รหัส 2GD-FTV (High) เครื่องยนต์ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว เทอร์โบดีเซล 2,400 ซีซีในการขับเคลื่อน และเป็นรุ่นขับ 2 ล้อหลังโดยส่งกำลังผ่านทาง เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ที่มีโหมด Paddle Shift ให้เล่นเกียร์
ตามสเป็กแล้ว เครื่องยนต์บล็อกนี้ผลิตกำลังออกมาได้ 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที ซึ่งเมื่อดูแค่ตัวเลข ที่น้อยกว่ารุ่น 2,800 ซีซีถึง 27 แรงม้า แต่พอเอาเข้าจริง ถือว่าสมรรถนะไม่ได้ขี้เหร่เท่าไร เพราะอย่างน้อยแม้ว่าแรงม้าจะน้อยกว่า แต่รุ่นนี้ก็มีน้ำหนัก น้อยกว่า เพราะไม่ต้องแบกชุดขับเคลื่อน 4 ล้อไปไหนมาไหนตลอดเวลา
ส่วนใครที่สงสัยว่าเครื่องยนต์ความจุน้อยจะสามารถลากตัวถังขนาดใหญ่ของ Fortuner ใหม่ได้อย่างทันใจหรือ ต้องบอกว่าถ้าเท้าขวาคุณไม่หนักเดิน หรือทั้งชีวิตขับแต่ซูเปอร์คาร์มา ทันทีที่สลับ เกียร์ลงตำแหน่ง D และกระแทกคันเร่งออกตัวการตอบสนองถือว่ามีดีพอตัว อาจจะไม่หวือหวา แต่ก็ตอบสนองได้ดีระดับหนึ่งเลยเมื่อมองว่านี่คือ SUV ที่มีน้ำหนักตัวเฉียดๆ 2 ตัน ซึ่งตรงนี้เป็นผลมาจากแรงบิดที่อยู่ในช่วงกว้างหรือ Flat Torque ที่เครื่องยนต์ ส่งแรงบิดในระดับ 40.7 กก.-ม. ออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำอย่าง 1,600 ไปจนถึง 2,000 รอบ/นาที
ในรุ่นนี้ใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะที่มีการแยกโหมด Manual ซึ่งผู้ขับสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เอง ผ่านทาง Paddle Shift ซึ่งเป็นแป้น +/- ติดตั้งอยู่หลังวงพวงมาลัย ทำให้สะดวกในการเล่นเกียร์และไล่รอบ ในกรณีที่คุณต้องการเน้นสมรรถนะในการใช้งานของรถอย่างเต็มตัว ทั้งในแง่ของการเรียกอัตราเร่ง หรือ การขับบนทางวิบาก เช่น ขึ้น-ลงเขา เพราะสะดวกกว่าการดึงคันเกียร์ไล่ตำแหน่งอย่างแน่นอน
ในด้านการทรงตัวนั้น ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าในเมื่อเป็นตัวถังทรงสูงแบบ SUV และแม้ว่าจะมีการ ปรับเซ็ตพื้นฐานของช่วงล่างซึ่งด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่ และด้านหลังเป็นเป็นโฟร์ลิงค์ คอยล์สปริง แต่การตอบสนองในการขับด้วยความเร็วสูงยังมีอาการวูบวาบให้เห็น ถ้าเปลี่ยนโช้กและสปริงสักชุด น่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้
แน่นอนว่าสำหรับคนที่กำลังมองหารถยนต์อเนกประสงค์ในระดับราคา 1 ล้านบาทไล่ไปจนถึง ล้านกลางๆ โดยมีเงื่อนไขที่เน้นความครอบคลุม และตัวคุณเองยอมรับข้อด้อยบางอย่าง เช่น เสียงดังและการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ดีเซล หรือการขับขี่ที่อาจจะไม่นุ่มสบายเท่ากับ SUV ที่มีพื้นฐานมาจากรถเก๋ง ไปได้ ต้องบอกว่า Fortuner ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ณ วินาทีนี้
ล้อมกรอบ
ข้อมูลทางเทคนิค : Toyota Fortuner 2.4V 2WD
แบบตัวถัง : SUV 5 ประตู
เครื่องยนต์ : เทอร์โบดีเซล 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว เทอร์โบ VNT
ความจุกระบอกสูบ : 2,393 ซีซี
กระบอกสูบXช่วงชัก : 92X91 มิลลิเมตร
กำลังสูงสุด : 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด : 40.7 กก.-ม. ที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที
ระบบส่งกำลัง : เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ระบบขับเคลื่อน ; ล้อหลัง
ระบบกันสะเทือนหน้า : ปีกนกคู่
ระบบกันสะเทือนหลัง : โฟร์ลิงค์ คอยล์สปริง
ระบบเบรกหน้า/หลัง : ดิสก์/ดรัม
มิติตัวถัง
ยาว : 4,795 มิลลิเมตร
กว้าง : 1,885 มิลลิเมตร
สูง : 1,835 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ : 2,750 มิลลิเมตร